Tuesday, November 10, 2009
Robert Doisneau: "One should take a photo only when one feels full of love for one's fellow-man."
ช่างภาพในดวงใจอีกคนหนึ่ง ผู้ถ่ายภาพโปรดภาพนี้ ซึ่งเราตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นเมื่อยี่สิบปีก่อน ไม่ว่าจะกี่ปีๆ ภาพนี้ก็ยังเป็นภาพที่โรแมนติกที่สุดในความรู้สึกของเรา
Robert Doisneau is another one of my favorite photographers. His "Le Baiser de l'Hôtel de Ville" was my love at-first-sight when I laid eye on it 20 years ago. It is, after all these years, still the most romantic picture of all times for me... Every time I look at it, I can feel the exuding passion at the spur of the moment that seems to have caught the girl off-guard -- and that makes it so special. The motion blur in the background really makes me feel that this kiss happened at a split second -- and that's enough to warm your heart in such a cold day.
Sunday, October 4, 2009
Redwoods - The World's Tallest Trees
ทุกครั้งที่ฉันแหงนคอตั้งบ่าเพื่อจะมองหาปลายยอดของต้น ฉันมักจะจินตนาการว่า ลวดลายร่องลึกในเปลือกไม้คงจะเปรียบเสมือนสมุดบันทึกเล่มโต ที่คงจะจดจำเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ภายใต้ร่มเงาของมันได้อย่างมากมายมหาศาล แล้วถ้าเราลองเอาหูแนบกับต้นดูก็จะได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น ช่างน่าเศร้าที่ทำไมคนถึงไม่ให้ความเคารพสิ่งมีชีวิตอย่างต้นไม้ ทำไมถึงไม่เคยคิดถึงความมหัศจรรย์ของมัน ทำไมถึงตัดโค่นกันอย่างไม่ลังเลใจเลย
บ่อยครั้งที่ฉันพยายามจะถ่ายภาพต้นไม้แดงเหล่านี้ แต่ก็ไม่เคยจะถ่ายทอดความน่าเกรงขามของมันได้น่าทึ่ง อย่างใจสักครั้ง วันนี้ฉันโชคดี ที่ช่างภาพของ National Geographic ทำสำเร็จแล้ว หลังจากใช้เวลาวางแผนถึงหนึ่งปี ดังนั้นฝันของฉันที่อยากจะใ้ห้คนอื่นได้ชื่นชมต้นไม้อันน่าพิศวงนี้ก็กลายเป็นจริง
Since I first laid eye on the Redwood trees, I was awestruck. I could never wrap my brain around how this 300-foot, gigantic, living tree can survive upright for 1,500 years without taproots. I always marvel at the fact that these majestic trees grow from a tiny seed yet can live as long as 1,500 years.
Every time I look up and try to find the tree top, I always imagine the trees' thick bark as a giant notebook that keeps records of all the things that happen under the canopy throughout the years and if you put your ear next to it you might be able to hear those stories.
Sadly, instead of respecting and cherishing trees, people cut them down in a heartbeat.
So many times I had tried in vain to take pictures that can depict the trees awe-inspiring height. Now, National Geographic has done it. After a year of planning, here is the absolutely stunning results.
Monday, September 21, 2009
CSS Tutorial - Introduction
Wednesday, September 2, 2009
ไปดูคอนเสิร์ต Sheryl Crow
ส่วนวงที่มาเปิด (ใครก็จำชื่อไม่ได้ จากออสเตรเลีย) ก็ใช้เครื่องเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เล่นเอาลุ้นแทบตายว่าจะสนุกหรือเปล่า แต่พอ Sheryl Crow ขึ้นมาก็กระหึ่มหายห่วงไป เครื่องเสียงแน่นมากๆ เสียงไมค์ร้องก็เยี่ยมยอด ไม่หลงเหมือนตอนเห็นเธอร้องที่คอนเสิร์ต Inauguration ของโอบาม่า วงที่เล่นด้วยก็เจ๋ง ทั้งลีดกีร์ตาร์ เบส คีย์บอร์ด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มือกลอง ยัยพวกยุ่งๆ ลุกไปเต้นกันที่ทางเดิน โดนรปภ ไล่กลับไปนั่งที่ อีกสักพัก คนข้างๆ ก็ลุกขึ้นเต้น ทำให้คนข้างหลังวิ่งมาเตือนให้นั่งลง เพราะบังเค้า เฮ้อ
หลังจากนั้นเธอเริ่มเล่นเพลง If It makes you happy คนก็ยืนขึ้นทั้งโรง เราก็ต้องยืนด้วยเดี๋ยวไม่เห็น แต่คนข้างหน้าเราไม่ยืน เราก็เลยได้กลิ่นเหม็นหัวโชยมาตลอดเวลา แทบเป็นลม
นอกจากนี้เค้าห้ามถ่ายรูปแต่ก็มีคนแอบถ่ายกัน แถมเจ้ากรรม เราก็ลืมกล้อง มีแต่มือถือ เลยได้มารูปเดียวแค่นี้แหละ
อย่างไรก็ตามสรุปว่าคอนเสิร์ตมันส์มาก หากปลงอนิจจังกับคนดูรอบข้าง แล้วแถมได้ข้อคิดจากชื่อเพลงในอัลบั้มชุดใหม่ชื่อ Detour ที่เนื้อเพลงถึงจะเน้นหนักไปเรื่องความรักร้าวที่ยากจะลืม แต่เรากลับนำมามองเป็นปรัชญาว่า ชีวิตคนเราบางครั้งมีเหตุการณ์อะไรร้ายๆ หรืออะไรที่ไม่เป็นไปตามแผนเกิดขึ้น ก็ถือเสียว่าเรากำลังเดินทางอ้อมเลี่ยงสิ่งกีดขวางก็แล้วกัน อาจจะใช้เวลานานกว่าเดิมหน่อย เดี๋ยวก็ถึงที่เหมือนกัน
เอาเพลงและเนื้อเพลงมาฝากตรงนี้นะคะ หวังว่าคงชอบเหมือนกัน
Mother, can you hold me together
It's so dark and I'm losing my way
I took all of these detours to find love
But when I did, it just faded away
Now what do I do
With the sweet love of mine
Do I give it away and
Hope someday I'll find
Someone half as awake
As the moon and the stars
Mother, teach me to love
With a paper-thin heart
Mother, your words are so soothing
You speak of love and of light and of peace
But I've made it my course to avoid you
Just to hide from these feelings of grief
Now what do I do
With the sweet love of mine
Do I give it away and
Hope someday I'll find
Someone half as awake
As the moon and the stars
Mother, teach me to love
With a paper-thin heart
Now what do I do
With the sweet love of mine
Do I give it away and
Hope someday I'll find
Someone half as awake
As the moon and the stars
Mother, teach me to love
With a paper-thin heart
Mother, I know you are with me
You were there when I took my first breath
I can't stop looking back for the answers
I just keep coming up with regret
There are some things I just can't forget
Tuesday, September 1, 2009
At long last -- Chez Panisse, Berkeley
Sunday, August 16, 2009
Just thoughts
Friday, March 27, 2009
Earth Hour 2009 ช่วยกันปิดไฟวันเสาร์ที่ 28 นี้ สองทุ่มครึ่ง ถึง สามทุ่มครึ่ง
Help make a statement to stop global warming by turning off the lights on March 28, 2009 during Earth Hour - 8:30 - 9:30 pm.
Earth Hour - Turn off the Lights
Start: | Mar 27, '09 8:30p |
End: | Mar 27, '09 9:30p |
Location: | Home |
Thursday, March 26, 2009
Celebrating St. Patrick's Week with Martin Hayes
Martin Hayes' recent appearance in San Francisco celebrating St. Patrick's.
ถ่ายมาเล่นขำๆ คุณภาพไม่ค่อยดีนัก คนแน่นเหลือเกิน ต้องคอยหลบหลีกไปมา เลยสั่นๆ แต่ชอบที่คุณคนนี้แกสีซอไฟแล่บ สมเป็นคนไอริช
Thursday, March 12, 2009
Monday, March 9, 2009
U2 - At Obama's Inaugural Concert
I really love this concert!!! It celebrated the very important milestone not only in American history but also the history of all nations. Just thought about it tonight, so here it is. After the U2 clip ends there will be more clips featuring other well-known artists. The sound quality is great.
Friday, March 6, 2009
เพลงที่แม่สอนร้อง (Song My Mom Taught Me)
มีเพลงนี้ที่แม่สอนร้องตอนเด็กๆ แต่หาในเน็ทไม่เจอเลย ใครหาที่เป็นเสียงร้องได้บอกด้วย เนื้อร้องว่าอย่างนี้
เจ้าเงาะ เจ้าเงาะ มันน่าหัวเราะ เจ้าเงาะงามแงะ
แต่งตัวกระไรสวยโก้ ปากหนาตาโต พุงโย้ย้อแยะ (?)
ไปอยู่ในป่า มีความสุขไหม หรือนอนร้องไห้ ขี้ตาเปียกแฉะ
ไปอยู่ในป่า เจ้าทำอะไร ไปอยู่ในป่า เจ้าทำอะไร
หรือช่วยผู้ใหญ่ ทำสวนถั่วแระ
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ - หลังจากที่หาเพลงนี้ไม่ได้เลย เลยต้องทำวีีดีโอนี้ขึ้นมา ขออภัยกับคนฟังด้วยค่ะ ไม่มีทางเลือกจริงๆ :)
Wednesday, March 4, 2009
เพลงนกขมิ้น ขับร้องโดย ดาวใจ ไพจิตร (Pleng Nok Kamin)
ที่มาจาก บ้านคุณศิริลักษณ์ที่ wordpress.com
This is one the very first songs my dad taught me when I was young. The song narrates the singer's aggravated feeling of loneliness upon hearing the sweet song of Nok Kamin (a small yellow bird, Common Iora). Scroll down pass the Thai lyric to listen to the song.
เพลงนี้เป็นเพลงที่พ่อสอนร้องตอนเด็กๆ แล้วก้ใช้กล่อมเรานอน ไปได้ทั้งเพลงและเนื้อร้องมา เลยมาแปะไว้บ้านเรา เวลาเหงาๆ คิดถึงพ่อจะได้มาฟังไง
ค่ำคืนฉันยืนอยู่เดียวดาย เหลียวมองรอบกายมิวายจะหวาดกลัว
มองนภามืดมัวสลัวเย็นย่ำ ค่ำคืนเอ๋ย ฮือ…..ฮื้อ….ฮือ…ฮือ..ฮือ……
# ยามนภาคล้ำไปใกล้ค่ำ ยินเสียงร่ำคำบอกเจ้าช่อไม้ดอกเอ๋ย
เจ้าดอกขจร นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำแล้วจะนอนไหนเอย เอ๋ย…..เล่านกเอย
อกฉันทุกวันเฝ้าอาวรณ์ เหมือนคนพเนจรฉันนอนไม่หลับเลย
หนาวพระพายพัดเชย อกเอ๋ยหนาวสั่น สุดบั่นถอน ฮือ…..ฮื้อ….ฮือ…ฮือ..ฮือ….
# ยามนี้เราหลงทางกลางค่ำ ยินเสียงร่ำคำบอกเจ้าช่อไม้ดอกเอ๋ย
เจ้าดอกราตรี นกขมิ้นหลงที่ เงียบเหงาฤดีจริงเอย… เอ๋ย….โอ้หัวอกเอย…
(ดนตรี)
บ้านใดหรือใครจะเอ็นดู รับรองอุ้มชูเลี้ยงดูให้หลับนอน
นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำไหนนอนนั่น อกฉันหมอง… ฮือ…..ฮื้อ….ฮือ…ฮือ..ฮือ
# ทนระกำช้ำใจยามค่ำ ยินเสียงร่ำน้ำตก โอ้หัวอกเอ๋ย
โอ้อกอาวรณ์ ฉันไร้คู่ร่วมคอน ต้องฝืนนอนหนาวเอย.. เอ๋ย..โอ้หัวอกเอย…
เมื่อมองหมายปองก็แลเห็น หวิวในใจเต้น เหมือนเป็นเพียงแต่มอง
เหมือนพบรังจะครอง แต่หมองเกรงที่ หวั่นจะมีเจ้าของ ฮือ…..ฮื้อ….ฮือ…..
# ฟังสำเนียงเสียงเพลงครวญคร่ำ ใครหนอร่ำคำบอก เจ้าช่อไม้ดอกเอ๋ย
เจ้าดอกขจร นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำนี้จะนอนไหนเอย…เอ๋ยนอนที่ไหนก็ได้เอย
(ดนตรี)
Happy Birthday Dad!
I LOVE YOU.
HAPPY BIRTHDAY DAD.
สายลมล่องต้องตัวเมื่อหัวค่ำ
พาความจำย้อนเวลากลับมาใหม่
นั่งชิงช้าด้วยแรงพ่อแกว่งไกว
เรื่องมากมายพ่อเล่าไปไม่เบื่อฟัง
พ่อร้องเพลงดาวลูกไก่ที่ตายสิ้น
พากันบินเข้ากองไฟไร้ที่ฝัง
บอกพ่อว่าเรื่องราวมันเศร้าจัง
น้ำตาหลั่งสงสารไก่ตายแทนคุณ
เช็ดน้ำตาพ่อว่าอย่าร้องไห้
ลูกไก่ได้อยู่พร้อมหน้าพาอบอุ่น
เกิดเป็นดาวเจ็ดดวงแจ้งแสงละมุน
ความรักกรุ่นสุกสว่างดั่งดวงดาว
ทุกถ้อยคำพ่อสอนสั่งยังจำมั่น
เมื่อใดฉันบาดเจ็บและเหน็บหนาว
ยังมีพ่อยืนเคียงข้างทุกครั้งคราว
บอกเรื่องราวของชีวิตคิดสู้ไป
เพลงลูกไก่ตายกองเพลิงระเริงแสง
ช่างเสียดแทงสะท้านสั่นแสนหวั่นไหว
คิดถึงพ่ออยากกอดแม่แต่ห่างไกล
คงทำได้เพียงรำพันผ่านแสงดาว
Tuesday, March 3, 2009
Folklore from Northern Thailand - กะตำป๋าค่ำตุ๊
เรื่องนี้คงจะเหมือนกับศรีธนญชัยที่มีตอนต่างๆหลากหลาย ที่จริงเราลืมไปแล้วพอดีพี่ชายเอ่ยขึ้นมาก็เลยไปหามาแปะไว้ ต้องขอบอกว่าอ่านเป็นภาษากลางนี่มันได้อรรถรสเท่ากับฟังคนพูดเป็นคำเมืองเลย
เรื่องที่จำได้มากที่สุดก็เรื่องนี้ คัดลอกจาก http://web.radompon.com/wanida99/014.html
เรื่องเล่าดอยเต่า
กะต๊ำป๋าค่ำตุ๊
วันหนึ่งพระต้องออกไปนอกวัดจึงเรียกกะตำป๋ามาแล้วสั่งว่า เฝ้าวัดให้ดี อย่าให้อะไรมารกรุงรัง อย่าให้หมาเข้าในห้อง เขาก็ตอบโดยแข็งขันว่าจะจัดการให้เรียบร้อย เมื่อพระออกไปเขาก็ออกไปแล้ว ไปเอางาทำ เข้าหนุกงา คือตำงาคลุกกับข้าวเหนียวแล้วปั้นไปวางไว้ที่หมอนพระ เมื่อพระกลับมาพระก็ถาม ว่าเป็นอย่างไร เขาก็บอกว่า เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรเข้ามาในวัดเลย แต่พอพระเห็นก้อนข้าวคลุกงาก็เข้า ใจว่าเป็นขี้หมาจึงสั่งลงโทษให้กะต๊ำป๋ากิน"ขี้หมา"นั้น กะต๊ำป๋าก็หยิบ"ขี้หมา"นั้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย แถมยังชวนพระกินด้วยอีกว่า อร่อยจริง ๆ พระก็ลองชิมดู เมื่อเห็นว่าอร่อยดี ก็ถามเขาว่าหมาตัวไหนนะ ที่ขี้อร่อยอย่างนี้ เขาก็บอกว่า "หมาแดงนั่นไง"
พระจึงให้ไปไล่หมานั้นเข้าวิหาร พระจับบานประตูคอยทีอยู่ก็ดันประตูเท้ากระแทกจนอุจจาระหมา ทะลัก แล้วพระจึงรีบเข้าไปกินก่อนที่กะต๊ำป๋าจะแย่ง แต่ปรากฏว่าคราวนี้เป็นขี้หมาจริง ๆ
Myth (Northern Thai Folklore) - หมาขนคำ
ไปหาเจอนิทานเรื่องนี้ที่อุ้ย(คุณยาย) เคยเล่าให้ฟังก่อนนอนตอนเด็กๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่ายังมีคนรู้จักอยู่ ตอนแรกนึกว่าเป็นเรื่องของลำพูนเพราะคุณยายเป็นคนจังหวัดนั้น พี่ชายบอกว่าอาจเป็นได้ว่าสมัยก่อนนี้อาณาจักรหริภุญไชยกินขึ้นไปถึงลำปาง ซึ่งก็คงมีส่วน
เรื่องนี้ไปคัดลอกมาจาก คุณแม่ไก่ ที่บล๊อกแก๊ง ขอขอบคุณไว้ที่นี้ค่ะ
นิทานพื้นบ้าน เรื่อง "หมาขนคำ"นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานพื้นบ้านของจังหวัดลำปางเจ้า....
(กาลครั้งหนึ่ง...นานมาก ๆ) มีนายพรานคนหนึ่งได้เลี้ยงหมาตัวเมียไว้หนึ่งตัว ในย่านนั้นไม่มีหมาตัวผู้อยู่เลย วันหนึ่งแม่หมาเกิดตั้งท้องขึ้นมา นายพรานเกรงจะถูกชาวบ้านครหาว่ามีเมียเป็นหมา จึงคิดจะกำจัดแม่หมา บ้านของนายพรานอยู่ในย่านบ้านเหล่าปลดริมป่า คือบ้านเสาสูงแบบเรือนต้นไม้ ราวบันไดปลดเก็บขึ้นไว้บนเรือนเพื่อป้องกันมิให้สัตว์ร้ายขึ้นเรือนไปทำร้ายชีวิตคนบนบ้านได้ เย็นวันหนึ่ง นายพรานปลดบันไดบ้านเก็บไว้บนบ้านโดยทิ้งแม่หมาไว้ข้างล่าง โดยหวังที่จะให้เสือมาคาบแม่หมาเอาไปกิน แม่หมาก็วิ่งหนีไปถึงดอยผาสามเส้าริมดอยวัดม่วงคำ
(เขตอำเภอแม่ทะ) แล้วคลอดลูกแฝดเป็นเด็กสาวน่ารักสองคน แม่หมาก็ไปหาอาหารมาเลี้ยงลูกน้อย และคาบเสื้อผ้าที่ชาวบ้านตากไว้บนราวตากผ้านำไปให้ลูกสาวสวมใส่ ลูกสาวฝาแฝดโตเป็นสาว คนพี่ชื่อ นางเจตะกา คนน้องชื่อนางบัวตอง กิตติศัพท์ความงามของหญิงสาวทั้งสองกระฉ่อนไปถึงในเมือง
เมื่อพระยาเจ้าเมืองทราบข่าว ปรารถนาจะได้ธิดาแฝดไปเป็นมเหสีซ้ายขวา ขบวนวอทองก็ไปรับสองธิดาแฝดที่ดอยผาสามเส้าขณะที่แม่หมาไม่อยู่ ธิดาแฝดบัวตองผู้น้องแสดงความเสียใจร้องไห้คร่ำครวญถึงแม่หมา ส่วนผู้พี่มีทีท่าตื่นเต้นที่มีวาสนาจะได้เข้าไปอยู่ในวัง พระยาเจ้าเมืองได้สร้างปราสาทสองหลังให้นางเจตะกาและนางบัวตองอยู่คนละหลัง
ฝ่ายแม่หมาเมื่อกลับมาถึงผาสามเส้าก็พบว่าลูกสาวหายไป แม่หมาก็เห่าหอนและตะกุยหน้าผาจนเป็นรอยคล้ายเล็บเท้าฝังในเนื้อหินผาที่ชาวบ้านเรียกว่ารอยตีนหมาขนคำร้องไห้หาลูกสาว มาจนทุกวันนี้
พระอินทร์เวทนาแม่หมาจึงเนรมิตให้แม่หมาพูดได้ แม่หมาจึงเดินทางติดตามหาลูกสาวถึงในเมือง แม่หมาได้ถามไถ่ชาวบ้านมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงปราสาทของนางเจตะกา ทหารได้ซักถามแม่หมาว่ารู้จักและเกี่ยวข้องกับนางเจตะกาอย่างไร แม่หมาก็บอกว่านางเจตะกาเคยเป็นนายเก่ามาก่อน ครั้นเมื่อทหารนำความมาแจ้งแก่นางเจตะกา นางเจตะกากลัวว่าจะอับอายที่มีแม่เป็นหมา จึงสั่งให้ทหารทำร้ายแม่หมาจนได้รับบาดเจ็บวิ่งหนีไป
แม่หมาได้รับบาดเจ็บก็วิ่งมาถึงปราสาทนางบัวตอง นางบัวตองรีบวิ่งมารับแม่หมานำเข้าไปในปราสาทเพื่อเยียวยารักษา ให้ข้าวให้น้ำแก่แม่หมา นางบัวตองได้ทูลขอหีบขนาดใหญ่จากสวามีโดยบอกว่าจะเอาไปขนสมบัติที่ผาสามเส้าภายในกำหนดเวลาเจ็ดวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางบัวตองได้นำหีบไว้เป็นที่ซ่อนของแม่หมาในวัง เมื่อครบเจ็ดวันแล้ว แม่หมาทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็สิ้นใจตาย พระอินทร์ได้เนรมิตร่างแม่หมาให้กลายเป็นแก้วแหวนเงินทอง เมื่อพระยาเจ้าเมืองพบว่ามีแก้วแหวนเงินทองเต็มหีบ พระองค์ก็โปรดปรานนางบัวตองเป็นอันมาก พระองค์ก็ให้นางบัวตองไปขนสมบัติที่ผาสามเส้าอีกครั้งหนึ่ง นางบัวตองมีความเสียใจที่แม่หมาเสียชีวิต นางจึงคิดจะกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย บริเวณข้างล่างของหน้าผาเป็นที่อยู่ของยักษ์ซึ่งป่วยเป็นฝีกลัดหนองเจ็บปวดมาก เมื่อนางบัวตองกระโดดลงไปกระทบกับร่างของยักษ์ทำให้ฝีแตก ยักษ์จึงหายปวดเป็นปลิดทิ้ง ยักษ์จึงมอบทรัพย์สมบัติให้นางบัวตองเป็นอันมาก นางบัวตองจึงนำสมบัติกลับวัง
ฝ่ายนางเจตะกา เมื่อทราบข่าวว่านางบัวตองไปขนสมบัติที่ผาสามเส้า นางก็รู้สึกอิจฉานางบัวตอง นางจึงอาสาพระยาเจ้าเมืองจะไปขนสมบัติที่ผาสามเส้า เมื่อไปถึงผาสามเส้านางเจตะกาก็กระโดดหน้าผาตามที่นางบัวตองแนะนำ ด้วยความที่นางเจตะกามีบาปหนาฆ่าแม่ของตัวเอง ยักษ์จึงจับนางเจตะกากินเป็นอาหาร แล้วยักษ์ก็ไล่กินขบวนช้างม้าตายเกลื่อนเป็นจำนวนมาก สถานที่แห่งนี้จึงเรียกว่าโทกหัวช้างในปัจจุบัน ( อยู่ในเขตอำเภอเมืองลำปาง )
จบแล้วเจ้า...นิทานเรื่องนี้สอนหื้อฮู้ว่า...โลภนัก...ลาภมักหาย เจ้า
"Myth" - Stories Behind Things We Know and Words We Speak
Sparked by my friend's comments on my blog, I decided to start this new blog to capture stories I know, and love and to encourage you to also share yours. I have grown an ardent love for tales since my grandmother started telling me bed time stories. Her favorite was "The Golden-Haired Dog" (หมาขนคำ), an old myth from Northern Thailand. (But that's a whole separate blog all together). I love stories behind things, or places, or phrases; stories about fairies, and magic creatures. Stories keep us young at heart and guard us against losing our imagination as all adults do. To see whether you have grown up?
Do you see this picture as a hat?
Or a serpent that just ate an elephant?
As the Little Prince explained:
Les grandes personnes ne comprennent jamais rien toutes seules, et c'est fatigant, pour les enfants, de toujours et toujours leur donner des explications.
"Le Petit Prince, Antoine de Saint-Exupéry, (1943)
Grown-ups never understand anything by themselves, and it is tiresome for children to have to explain things to them always and forever.
Note: Seen atop - Echo and Narcissus by John William Porterhouse
Monday, March 2, 2009
Daffodils
สมัยเรียนหนังสือ ต้องท่องอาขยานภาษาอังกฤษด้วย และที่จำได้ติดใจที่สุดคือบทชื่อ Daffodils ของ William Wordsworth นี่แหละ คงจะเป็นเพราะบทกลอนไพเราะคล้องจองดี ถ้าจะเปรียบก็คงจะเหมือนกับกลอนแปดของสุนทรภู่นั่นละกระมัง ส่วนความหมายก็ไม่ได้รู้สึกซึมซาบลึกซึ้งอะไรเพราะบ้านเราไม่มีดอกไม้ชนิดนี้ เหมือนกับตอนเรียนดรุณศึกษาตอนเด็กๆ แล้วอ่านเรื่องกระเช้าสีดานั่นแหละ ความที่เป็นเด็กภาคเหนือ ไม่เคยเห็นกระเช้าสีดา ไม่รู้จัก พอมาเห็นตอนโต เลยกริ๊ดกร๊าดไป ที่ยกมาพูดนี่ก็เพราะไม่ว่าจะเป็นอะไรที่ผ่านหูผ่านตา ได้อ่านได้ฟัง ได้เรียน แต่ไม่ได้เห็นของจริง ไม่ได้สัมผัส ไม่ได้มีส่วนร่วมแล้วละก็ ความรับรู้ทุกอย่าง ที่จะให้ซึมเข้าสู่สมองส่วนหน้า หรือหยั่งรากลึกในใจ นั้นก็ยากยิ่ง
ดอกแดฟโฟดิลส์นี่ก็เหมือนกัน มันเป็นดอกไม้สีเหลืองสดใส บอบบางน่าถนอม ถ้าดมใกล้ๆจะมีกลิ่นหอมจางๆ มากๆ ตอนที่เรามาอยู่ซีกโลกนี้ใหม่ๆ เวลาเห็นเราก็ เออ ดอกแดฟโฟดิลส์ ก็เท่านั้น ก็สวย ทีนี้พออยู่ไปอยู่ไปเริ่มสังเกตว่า ดอกนี้น่ะเป็นดอกชนิดแรกๆที่บานปลายฤดูหนาว ย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ กอปรกับการที่สีของเธอเฉิดฉายเหลืองแปร๊ด ทำให้คนส่วนมากที่ผจญกับความหนาว จับเจ่าอยู่แต่ในบ้านตลอดสามสี่เดือนที่ผ่านมา เช่นเรา เกิดความสดชื่นอย่างไม่คาดคิด โดยเฉพาะเมื่อ อยู่มาวันหนึ่ง ยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นดอกเหลืองสะพรั่งแล้ว ช่างน่าอัศจรรย์ใจริงๆ เราก็เลยคิดถึงกลอนบทนี้ขึ้นมาได้ และเป็นครั้งแรกที่ซึมซาบกับความรู้สึกของผู้แต่งว่า คงจะรู้สึกอย่างเราตอนนี้แล
"Daffodils" (1804)
I wander'd lonely as a cloud
That floats on high o'er vales and hills,
When all at once I saw a crowd,
A host, of golden daffodils;Beside the lake, beneath the trees,
Fluttering and dancing in the breeze.
Continuous as the stars that shine
And twinkle on the Milky Way;
They stretch'd in never-ending line
Along the margin of a bay:
Ten thousand saw I at a glance,
Tossing their heads in sprightly dance.
The waves beside them danced; but they
Out-did the sparkling waves in glee:
A poet could not but be gay,
In such a jocund company:
I gazed -- and gazed -- but little thought
What wealth the show to me had brought:
For oft, when on my couch I lie
In vacant or in pensive mood,
They flash upon that inward eye
Which is the bliss of solitude;
And then my heart with pleasure fills,
And dances with the daffodils.By William Wordsworth (1770-1850)
Sunday, March 1, 2009
Vintage Film Effect Techniques
ขอบคุณคุณมาย ที่แนะนำค่ะ
Great Collection of Articles on Photography (in Thai) บทความดี ๆ เกี่ยวกับการถ่ายรูป จากคุณมะยม
แหล่งรวบรวมบทความดีๆ ด้วยความเอื้อเฟื้อของคุณมะยม ผู้ช่วยให้ความรู้ดีๆกับเราอยู่เสมอ
This is a great collection of articles on photography (mostly in Thai), also courtesy of Khun Mayom. The amount of information he is kind to share is staggering and amazing - A treasure trove, one-stop shopping, and online library for me or those who want to improve their photography skills. A Must-See as always. Many thanks to Khun Mayom.
ภาพสวย ในทัศนะคติของผม -โดยคุณธเนศ THANES PHOTOGRAPHY - Great Photographs in My Opinion
บทความนี้ให้ข้อควรจำที่ดีมาก ในการพัฒนาฝีมือการถ่ายภาพ และการได้ความสุขจากการถ่ายภาพ ต้องอ่าน
This is a great blog on photography (in Thai) courtesy of Khun Thanes.
The tips suggested in this blog are easy to achieve and they are worth remembering at all times when you go out there and take photos or journey through life for that matter!!! Thank you Khun Thanes.
Wednesday, February 25, 2009
How to Link
Click "Edit HTML" and see how to create a link to small picture with a link to the original picture. When I want to paste a small picture to invite people to see it at my site, here's how:
<A href="http://toichatpet.multiply.com/photos/album/21/Birds_Series_I_-_American_White_Pelicans" target="_blank><IMG" border="0></A> <BR" src="http://images.toichatpet.multiply.com/image/25/photos/21/1200x120/8/cover-small.jpg?et=bjPied8ez8JMbTYKHdmnhQ&amp;nmid=94815927" alt="Bird Series"><A href="http://toichatpet.multiply.com/photos/album/21/Birds_Series_I_-_American_White_Pelicans" target=_blank><IMG alt="Bird Series" src="http://images.toichatpet.multiply.com/image/25/photos/21/1200x120/8/cover-small.jpg?et=bjPied8ez8JMbTYKHdmnhQ&nmid=94815927" border=0></A>
Thursday, January 29, 2009
The Darjeeling Litmited
Rating: | ★★★ |
Category: | Movies |
Genre: | Comedy |
Little Miss Sunshine
Rating: | ★★★★★ |
Category: | Movies |
Genre: | Comedy |
Friday, January 9, 2009
ขออภัยที่หายหน้าไปนาน Sorry for My Long Absence
ต้องขอขอบคุณสำหรับพรคริสมาสและปีใหม่ และคำทักทายจากเพื่อนๆชาว มตพ ทุกๆท่าน และต้องขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนหรือตอบคำถามเลยนะคะ หลังจากยุ่งวุ่นวายกับเทศกาลวันหยุดของที่นี่ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมาจนตลอดเดือนธันวาคม (อุแม่เจ้า แล้วจะเล่าให้ฟัง) ประจวบกับเหตุการณ์บ้านเมืองทั้งที่นี่และเมืองไทยก็พาลให้จดจ่ออยู่จนไม่เป็นอันทำอะไร พอเทศกาลจบยังไม่ทันปีใหม่ก็ล้มหมอนนอนเสื่อมาสองสัปดาห์แล้วยังไม่ทำท่าว่าจะดีขึ้น กำลังจะต้องไปหาหมอ (หมอที่นี่นัดยากเชียว) คิดถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนะคะ ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรง การงานรุ่งเรือง กระเป๋าเต็มไปด้วยเงินทอง และครอบครัวเต็มไปด้วยความสุขสำหรับปีใหม่นี้นะคะ ต่อยหายดีแล้วจะกลับมาใหม่ค่ะ
Dear all my Multiply friends -- My apologies for my long absence from the web and lack of responses to your greetings and best wishes. Thank you for all the lovely messages and the caring thoughts sent my way. I wish you and your family all the best of health, happiness and prosperity in this year 2009!!!! I shall return after my health and state of mind returned to normal state ;-)... Meanwhile, I log in occasionally and read your messages but might not have time of energy to respond. Please excuse me and know that I appreciate all the caring thoughts. Cheers!